เพราะชีวิตก็เหมือนการแข่งกีฬาซีเกมส์(โกง)

Chonlavee Watakeecharoen
Thinkerbell
Published in
1 min readOct 23, 2017

--

มหกรรมกีฬาซีเกมส์เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน เราคงได้ยินข่าวฉาวมากมาย เกี่ยวกับการโกงของเจ้าภาพ การตัดสินที่ดูเหมือนไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้องตามกติกา จนมีหลายคนพูดว่า

“ตกลงนี่คือกีฬาซีเกมส์ หรือ ซีโกงกันแน่”

“ไม่ต้องจัดดีกว่า จัดไปก็ดราม่าทะเลาะกันเปล่าๆ ไม่ได้มีความสามัคคีเกิดขึ้นเลย”

เพราะเหมือนที่ผ่านมา ทุกชาติที่เป็นเจ้าภาพจะได้เป็นเจ้าเหรียญทอง แล้วก็ต้องตามมาด้วยเรื่องดราม่าทุกครั้ง และในปีนี้เองก็มีกีฬาหนึ่งที่ดราม่าที่สุด ก็คือ “กีฬาเดินทน” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Race Walking” เมื่อผมได้ยินชื่อกีฬานี้ ก็สงสัยจริงๆว่า “การเดิน” นี่ถือเป็นว่าเป็นกีฬาได้ด้วยหรอ เพราะแอบมีอคติว่าเจ้าภาพคงนำกีฬาที่ตัวเองได้เปรียบชาติอื่นๆมาแข่งขัน แต่ความจริงไม่ใช่ “กีฬาเดินทน” ได้ถูกบรรจุไว้ในมหกรรมกีฬาระดับโลก หรือ “โอลิมปิก” ด้วย

และกติกาข้อหนึ่งของกีฬาเดินทนก็คือเท้าข้างใดข้างหนึ่งของผู้แข่งขันจะต้องสัมผัสพื้นตลอดเวลา แต่สุดท้ายผู้แข่งขันเจ้าภาพทำผิดกติกาและได้เหรียญทองไป!!! นี่มันโกงชัดๆ ไม่แปลกเลยที่คนไทยบางคนจะเปลี่ยนชื่อจากซีเกมส์ เป็น ซีโกง

คำว่า “กติกา” มีความสำคัญมากเมื่อทำการแข่งขันกีฬา เช่นเดียวกับการใช้ชีวิตของเราในสังคมก็ต้องมี “กติกา” เช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า “กฎหมาย”

ผมเติบโตมาในทัศนคติที่ไม่ค่อยถูกเท่าไร และยิ่งการที่เป็นเรียนสายวิทย์มา ทำให้ผมมีความคิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้กฎหมาย และดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว จนมาวันหนึ่งผมขับรถอยู่ดีๆ ปรากฏว่าโดนเรียก และได้รับใบสั่งจากตำรวจในข้อหาที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ตอนแรกก็คิดในใจ “เอาแล้ว เราโดนเจ้าหน้าที่โกงเข้าแล้ว” ผมไปโวยวาย ขอความเป็นธรรมต่างๆ นานา ซึ่งผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าผมไม่ผิด และเมื่อโทรไปถามคนที่ไว้ใจได้ เขาก็ยังไม่เห็นสิ่งที่ผมทำมันผิดตรงไหน สุดท้ายเจ้าหน้าที่หยิบกฎหมายมาให้ผมดู และผมผิดจริง จึงยอมรับแต่โดยดี จากนั้นเป็นต้นมา ผมเริ่มตระหนักแล้วว่า “กฎหมาย” เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเป็นผู้ถูกกระทำในสังคม และไม่ให้ผมไปกล่าวโทษใส่ความผู้มีอำนาจว่า “โกง”

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่นักศึกษาบางคนคิดว่าตัวเองไม่ได้เรียนนิติศาสตร์ และเราเป็นแค่นักศึกษาไม่มีความจำเป็นต้องรู้กฎหมาย แต่ความคิดแบบนี้ เป็นความคิดที่ผิด ทุกวันนี้บางสถาบันมีการรับน้องที่รุนแรง ซึ่งเราเห็นได้ทั่วไป หลายกิจกรรมเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เอาง่ายๆเลย อย่างเช่น การที่รุ่นพี่ว้ากใส่รุ่นน้อง ทำให้น้องบางคนเกิดความเครียด บางคนถึงขั้นชัก ซึ่งรุ่นน้องบางคนก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะด้วยความที่ว่าเด็กกว่า แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอาญา (มาตรา392 — ข้อมูลจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) เห็นได้ว่ากฎหมายไม่ได้เป็นสิ่งที่ไกลตัวอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ

และสำหรับเราซึ่งเป็นคริสเตียน พระคัมภีร์ได้บอกเราอย่างชัดเจนว่า

“พระเจ้ามีพระประสงค์ให้คนเราทุกคนรู้กฎหมาย”

ถ้าพูดถึงกฎหมายในพระคัมภีร์ เราหลายคนคงนึกถึง “พระบัญญัติ 10 ประการ” ที่พระเจ้าให้ไว้กับอิสราเอล แต่เมื่อเรามาดูรายละเอียดจริงๆ “กฎหมาย” ที่พระเจ้าให้ไว้กับชนอิสราเอลไม่ได้มีเพียงแค่บัญญัติ 10 ประการเท่านั้น แต่ตามมาด้วยกฎเกณฑ์ที่คนในชุมชนของพระเจ้าต้องทำตามอีกเพียบ ซึ่งพระเจ้ามีพระประสงค์ให้คนอิสราเอลทุกคนรู้กฎหมาย มีหลายตอนที่พระคัมภีร์ได้ยืนยันในเรื่องนี้ อย่างเช่นพระธรรมเลวีนิติบทที่ 10 ข้อ 8–11 เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของปุโรหิต และเราพบว่าปุโรหิตไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสอนกฎหมายทั้งหมดให้คนอิสราเอลทุกคนด้วย

เช่นเดียวกัน เราจำเป็นต้องศึกษากฎเกณฑ์ต่างๆในพระคัมภีร์ และกฎหมายของรัฐ เพราะพระเจ้าให้อำนาจกับรัฐในการดูแลมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้าง ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นนักศึกษา ถ้ามีเวลา อยากให้เราลงเรียนหรือศึกษาวิชากฎหมายไว้บ้าง อย่าปล่อยให้เรื่องกฎหมายเป็นเรื่องไกลตัว เพื่อเราจะไม่เป็นผู้ถูกกระทำเนื่องจากเราไม่รู้กฎหมาย และการที่เรามีความรู้เรื่องกฎหมาย เรายังสามารถแนะนำหรือช่วยเหลือคนอื่นอีกมากที่ยังไม่ได้รับความยุติธรรม และนั่นเป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย ดังที่พระธรรมมีคาห์ 6:8 เขียนไว้ว่า “มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาเวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้ความรักเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ”

“สังคมจะมีความยุติธรรมมากขึ้นได้ เริ่มจากเราในวันนี้

--

--